สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดร้อยเอ็ด

วันที่ 7 พฤษภาคม 2564 นายปัญญา มูลคำกาเจริญ ปศุสัตว์จังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่  รณรงค์ทำความสะอาดและทำลายเชื้อโรคประจำสัปดาห์ (Big Cleaning Day)  ณ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019  โดยเช็ดถูทำความสะอาดพื้น ผนัง โต๊ะเก้าอี้ทำงาน และอุปกรณ์สำนักงาน เพื่อปรับปรุงสถานที่ทำงานให้น่าอยู่น่าทำงาน จัดให้มีจุดล้างมือด้วยเจลอัลกอฮอล์  กำชับบุคลากรให้สวมใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย 100 % ในสถานที่ทำงานและเวลาออกนอกสถานที่ เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคต่างๆในระบบทางเดินหายใจ โดยให้ปฏิบัติตามประกาศจังหวัดร้อยเอ็ดและคำแนะนำด้านสาธารณสุข เพื่อลดโอกาสในการแพร่ระบาดของโรคและสร้างความเชื่อมั่นกับประชาชนที่มาติดต่อราชการ     ทั้งนี้ ได้เข้มงวดเจ้าหน้าที่ รวมทั้งผู้มาติดต่อราชการ และวางแผนให้บุคลากรปฏิบัติราชการที่บ้าน (Work from home) ตามนโยบายของรัฐ แต่ให้ปฏิบัติงานได้อย่างต่อเนื่องไม่ติดขัด โดยเฉพาะงานอนุมัติ งานอนุญาต และงานบริการต่างๆ.

วันที่ 22 เมษายน 2564 นายปัญญา มูลคำกาเจริญ ปศุสัตว์จังหวัดร้อยเอ็ด ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเกษตรกรตำบลปอภาร อำเภอเมืองร้อยเอ็ด เพื่อประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้สร้างความเข้าใจในการเฝ้าระวังป้องกันโรคลัมปี สกิน (Lumpy skin disease) ในโค-กระบือ ซึ่งเป็นโรคตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 โดยให้เกษตรกรสังเกตอาการของสัตว์ ตามนิยามของโรค เช่น มีตุ่มเนื้อนูน (Nodule) บนผิวหนังและเยื่อเมือกทั่วร่างกาย มีขอบแข็ง ตกสะเก็ดและเป็นแผลหลุมในเวลาต่อมา สัตว์อาจมีอาการไข้สูงและหายใจลำบากร่วมด้วย  การติดต่อสามารถติดต่อได้ทางแมลงดูดเลือด เช่น ยุง เหลือบ ริ้น แมลงวัน ฯลฯ การป้องกันโดยวิธีกำจัดแมลงดูดเลือดอย่างสม่ำเสมอที่บริเวณคอกและที่ตัวสัตว์ เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่กระจายเชื้อ หรือกางมุ้งให้สัตว์ และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ หากพบโค-กระบือมีอาการดังกล่าวให้แจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในพื้นที่ทันที เพื่อดำเนินการสอบสวนโรค ดูแลสัตว์ป่วย และเฝ้าระวังป้องกันโรค เพื่อลดความสูญเสียให้เกษตรกร  โรคนี้ไม่ติดคน อัตราการป่วยมากกว่า 5 % และอัตราการตายน้อยกว่า 10 % ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกสัตว์ที่สุขภาพอ่อนแอและมีโรคแทรกซ้อน.

วันที่ 22 เมษายน 2564 นายปัญญา มูลคำกาเจริญ ปศุสัตว์จังหวัดร้อยเอ็ด เปิดเผยว่าสถานีตำรวจภูธรธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด มีหนังสือที่ ตช.0019 (รอ).9 (12)/970 ลงวันที่ 22 เมษายน 2564 เรื่อง ส่งตัวผู้ต้องหามาเปรียบเทียบปรับ มูลเหตุเกิดจากสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดร้อยเอ็ดได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรธวัชบุรี เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2564 ให้ดำเนินคดีกับร้านภูเแลิมรัตน์ (โดยนายทินกร ภูเฉลิมรัตน์ กรรมการ) ในความผิดทำการค้าสัตว์หรือซากสัตว์หรือหากำไรในลักษณะคนกลาง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ตามมาตรา24 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 66 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดขายอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 17 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาหารสัตว์ พ.ศ. 2558 มีความผิดตามมาตรา 75 ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ วึ่งพนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์ไว้ดำเนินคดีตามความอาญา ที่ 59/2564 ต่อมาร้านภูเฉลิมรัตน์ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน และยินยอมให้เปปรียบเทียบปรับเพื่อให้คดีเลิกกัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา สำหรับในความผิดทำการค้าสัตว์หรือซากสัตว์หรือหากำไรในลักษณะคนกลางโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ตามาตรา 24 วรรคหนึ่ง คณะกรรมการเปรียบเทียบความผิดระดับจังหวัดสั่งปรับเป็นเงิน 5,000 บาท ส่วนคดีขายอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะโดยไม่ได้รับอนุญาต ปศุสัตว์จังหวัดผู้มีอำนาจเปรียบเทียบปรับเป้นเงิน 2,500 บาท พร้อมให้ดำเนินการขอใบอนุญาตค้าสัตว์หรือซากสัตว์หรือหากำไรในลักษณะคนกลาง และใบอนุญาตขายอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะให้ถูกต้องตามกฏหมาย

วันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๔ นายปัญญา มูลคำกาเจริญ ปศุสัตว์จังหวัดร้อยเอ็ด ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมตลาดนัดโค-กระบืออำเภอเมืองร้อยเอ็ด ซึ่งเปิดทุกวันเสาร์ของสัปดาห์ เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคระบาดสัตว์ ตลาดนัดแห่งนี้มีเกษตรกรนำโค-กระบือเข้ามาซื้อขายจำนวนมาก มีเงินหมุนเวียนสัปดาห์ละไม่ต่ำกว่า ๒๐ ล้านบาท  ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ได้ดำเนินการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคยานพาหนะและตัวสัตว์ที่เข้า-ออกตลาดนัดโค-กระบือ เพื่อป้องกันและกำจัดเชื้อโรค โดยเฉพาะโรคปากและเท้าเปื่อย โรคคอบวม และโรคลัมปี สกิน ที่มีแมลงดูดเลือดเป็นพาหะ ทำให้โค-กระบือของเกษตรกรเจ็บป่วยหรือเสียชีวิต ตลาดนัดโค-กระบือถือว่าเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโรค เนื่องจากมีการเคลื่อนย้ายสัตว์จากหลายแหล่งมารวมกัน จึงมีโอกาสนำสัตว์ป่วย นำแมลงดูดเลือด หรือสัตว์ที่ติดเชื้อแต่ยังไม่แสดงอาการเข้ามา หรือมีเชื้อโรคปนเปื้อนมากับยานพาหนะในการขนส่ง  โดยได้ขอความร่วมมือจากพ่อค้าและเกษตรกรที่ประสงค์เคลื่อนย้ายสัตว์ให้ขออนุญาตเคลื่อนย้ายสัตว์จากปศุสัตว์อำเภอต้นทางทุกครั้ง.